10 เหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นที่สนาม ฟุตบอล ในขณะดวลแข้ง

ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นได้แบบคาดไม่ถึง อยู่ ๆ เอริค ดายเออร์ นักเตะคนเก่งของไก่เดือยทองก็รีบวิ่งออกจากสนาม ฟุตบอล เข้าไปในอุโมงค์ทำให้ทีมเหลือผู้เล่นแค่สิบคน ในช่วงเวลาสำคัญที่กำลังพยายามตีเสมอ เชลซี ในศึกคาราบาว คัพ รอบ 4 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันอังคารที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา

ทำให้พี่ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นที่สนามฟุตบอลเลยในขณะที่มีการแข่งขันอยู่ แต่มันก็มีอยู่หลายเหตุการณ์เหมือนกันนะ บางเหตุการณ์นี่ดุเดือนที่ถึงขั้นเลือดตกยางออกกันมี จะเป็นเหตุการณ์ใดบ้างจะตรงใจกับผู้อ่านมั๊ยต้องไปดูกันเลย

10.สมรภูมิซานติอาโก

เหตุการณ์นี้เป็นถึงขนาดที่บรรดาสื่อมวลชนให้นิยามเกมแข่งขันนี้ว่า “Battle of Santiago” เลียนแบบชื่อสงครามกลางเมืองในอดีต ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกปีค.ศ.1962 รอบแรกระหว่าง ประเทศชิลี(เจ้าบ้าน) กับ ประเทศอิตาลี เพราะในเกมนี้นักเตะเล่นกันอย่างดุเดือดรุนแรงอย่างกับเคยไปฆ่าหมา ด่าแม่ กันมาก่อน

คุณเอ้ย…กรรมการ เคน แอสตัน ชาวอังกฤษ ได้แต่ส่ายหัว ยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่สามารถควบคุมเกมการแข่งขันได้เลย เพราะทั้งสองฝ่ายตั้งใจจะ “เล่นคน” มากกว่าเล่นบอล” ซึ่งในเกมนัดนี้ มีนักเตะของอิตาลีถูกไล่ออกจากสนามไป 2 คน ดั้งจมูกหักเพราะโดนกำปั้นไปอีก 1 คน ผลจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน 2-0 ทั้งนี้ยังต้องใช้กำลังคุ้มกันนำนักเตะอิตาลีออกจากสนามกันเลยทีเดียว

9.ศอกกลับของเลโอนาร์โดกลางสนาม ฟุตบอล

สำหรับเหตุการณ์นี้ยังคงอยู่กับศึกดวลแข่งฟุตบอลโลกอยู่ แต่อยู่ใน ฟุตบอล โลกปี ค.ศ 1994 เป็นนัดที่ บราซิล เจอกับ สหรัฐ(เจ้าภาพ) ซึ่งในวันที่แข่งนั้นเป็นวันชาติของประเทศสหรัฐอีกต่างหาก ในตอนนี้ แซมบ้า เป็นมหาอำนาจลูกหนังอยู่ มีภาษีดีอย่างมากใคร ๆ ต่างก็คิดว่า สหรัฐ ต้องโดนสอยร่วง ถูกยำเละเทะแน่นอน

แต่กลับกลายเป็นว่าในวันนั้นรูปเกมกลับสูสีกันซะอย่างนั้นใครจะคิดว่าพญาอินทรีจะสร้างความลำบากใจอย่างมากให้กับมหาอำนาจลูกหนังอย่างบราซิลได้ ขณะที่ใกล้จะหมดครึ่งแรก แท็บ รามอส นักเตะสหรัฐ เข้าไปพัวพันจะแย่งบอลอยู่ด้านหลัง เลโอนาร์โด กองกลางฝีของบราซิล ยึกยัก เกาะแกะกันอยู่ริมเส้น

แล้วอยู่ดี ๆ เลโอนาร์โด ก็ยกศอกกลับใส่ รามอส เข้าไปเต็มขมับ ล้มลงไปกองสนามทั้งยืน จะเจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ผลที่ได้ ก็คือ แท็บ รามอส กะโหลกศีรษะร้าว อาการเป็นตายเท่ากัน ต้องนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

เจ้าของแม่ไม้มวยไทย เลโอนาร์โด ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามไปตามระเบียบ และฟีฟ่าก็ได้ประกาศบทลงโทษขั้นรุนแรง คือห้ามลงแข่ง 8 นัด ส่วน รามอส ที่อาการโคม่า รอดตายเฉยเลยและยังกลับมาเป็นปกติเล่นฟุตบอลได้เหมือนเดิม

8.”ตำนานกังฟูคิก” ของ เอริค คันโตนา

เหตุการณ์สุดช็อคของแฟนปราสาทเรือนแก้ว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม ปี 1995 ในศึกพรีเมียร์ ลีก วันนั้น คริสตัล พาเลซ ได้เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ ปีศาจแดง นัดนั้นการแข่งขันมีจังหวะหัวร้อนของ คันโตน่า หลังจากที่เขาถูก ริชาร์ด ชอว์ ดึงเสื้อทำให้เจ้าตัวไม่พอใจ ได้หันกลับไปเตะเอาคืนจนทำให้ผู้ตัดสินแจกใบแดงไล่ คันโตน่า ออกจากสนา

แต่ในขณะที่ คันโตน่า กำลังเดินออกจากสนามนั้น ได้มีแฟนบอลของคริสตัล พาเลซ ได้วิ่งลงมาจากอัฒจันทร์ชั้นบนเพื่อลงมาด่าเขา ภายหลังได้เผยคำพูดนั้นว่า “Fuck off back to france, you French motherfucker” ซึ่งแปลแบบสุภาพ ๆ ได้ว่า “เจ้าหน้าโง่กลับฝรั่งเศสไปซะ เจ้าชาวฝรั่งเศสหน้าโง่”

นั่นเองจากหัวร้อนอยู่แล้วตอนนี้น็อตของ คันโตน่า หลุดกระเด็น ฟิ้วววว…. วิ่งเข้าไปกระโดดถีบแฟนบอลคนนั้น พร้อมกับปล่อยหมัดไปอีกชุดใหญ่ก่อนที่เขาจะถูกเจ้าหน้าที่คุมออกไป ภายหลัง คันโตน่าโดนแบนห้ามลงสนามนานถึง 9 เดือนพร้อมกับบำเพ็ญประโยชน์อีก 120 ชั่วโมงและปรับ 10,000 ปอนด์ส่วนแฟนบอลถูกปรับ 500 ปอนด์จำคุก 7 วันและห้ามเข้าสนาม 1 ปี

7.เกมนัดอัปยศ เกาหลีใต้ กับ อิตาลี

กลับมาสนามบอลโลกอีกครั้ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ 2002 ปีนั้นเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกับญี่ปุ่น เกมนัดอัปยศ นัดหนึ่งในประวัติศาสาตร์บอลโลก นั้นเกิดขึ้นระหว่าง เกาหลีใต้ กับ อิตาลี แข่งกันที่ประเทศเกาหลีใต้ ผู้ตัดสิน ไบรอน โมเรโน ชาวเอกวาดอร์ ร่วมกับผู้ช่วยผู้ตัดสินอีกสองคน

ทำให้เกมกีฬาแห่งศักดิ์ศรี อย่างฟุตบอลโลก กลายเป็นกีฬามวยปล้ำ เพราะนึกจะทำอะไรก็ทำ อยากเป่าฟาวล์ช่วยเจ้าภาพตอนไหนก็ทำ อยากจะให้ได้เปรียบตอนไหนก็ปล่อยทำให้นักเตะอิตาลีไม่เป็นอันเล่นเพราะต้องมาคอยทะเลาะกับกรรมการแทบตลอดเวลา

แต่จุดสำคัญอยู่ตรงที่ ฟรานเชสโก ตอตติ ได้ลากเดี่ยวไปที่ประตู แล้วถูกทำฟาวล์ในเขตโทษ แทนที่จะได้จุดโทษ ผู้ตัดสิน ไบรอน โมเรโน กลับชักใบเหลืองใบที่ 2 เป็นใบแดง ไล่ ตอตติ ออกจากสนาม โทษฐานหาว่าพุ่งล้ม จากนั้น เกาหลีใต้ ก็ทำช็อกโลก ด้วยการสังหาร “ประตูทอง” เอาชนะ อิตาลี ไปได้ 2-1

ผลจากเกมในนัดนั้นได้สร้างความบาดหมางให้กับทั้งสองประเทศอย่างมาก ถึงขั้นสโมสรต่าง ๆ ในอิตาลี “บอยคอต” ไม่ให้นักเตะเกาหลีใต้ค้าแข้ง

6.เจมี คาร์ราเกอร์ กับเหรียญเงินจากแฟนบอล

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากเกมเอฟเอ คัพ ปีค.ศ.2002 กับการดวลแข้งระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซนอล โดยหลังจากที่ เดนิส เบิร์กแคมป์ ได้ใบแดงจากการไปเข้าบอลหนักใส่ คาร์ราเกอร์ ก็ได้มี กูนเนอร์ส รายหนึ่งโยนเหรียญลงมาใส่เขา

ทำให้ คาร์ร่า โมโหเป็นอย่างหนักตบะแตกทันที เพราะแทนที่เขาจะเอาเหรียญไปฟ้องกรรมการแต่กลับขว้างเหรียญนั้นกลับไปใส่กลุ่มแฟนบอลที่ทำให้เขาโดนปรับ 40,000 ปอนด์และโดนแบน 3 เกม หลังจากนั้น คาร์ราเกอร์ ก็ได้ออกมาแถลงข่าวขอโทษว่ากระทำไปเพราะความวู่วาม

5.เฮดบัทสะท้านโลกของซีดาน

สลับกลับมาที่สนามบอลโลกอีกครั้ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรอบนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก2006 ระหว่าง ฝรั่งเศส กับ อิตาลี ถึงขนาดที่ทำให้ ซีดาน ปิดฉากอาชีพการการแข้งของเขาเลยทีเดียว ด้วยที่ว่าเขาเจตนาที่จะใช้หัวพุ่งชนหน้าอกของ มาร์โก มาเตรัซซี กองหลังของ อิตาเลียน จนกระเด็นลงไปกองกับพื้น

ซีดาน จึงถูก โฮราซิโอ เอลิซอนโด้ ผู้ตัดสินชาวอาร์เจนตินา ชักใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 110 ก่อนที่ฝรั่งเศส จะพ่ายการดวลจุดโทษต่ออิตาลี 3-5 ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ ซีดาน อยู่ในสภาวะที่นักเตะอิตาลีตามไล่ตอดไล่เตะ และใช้วาจาถากถางตลอด

แต่ก็ถือว่าเป็นแท็คติก เล็กๆ น้อยๆ ของนักเตะอัซซูรี่ ด้วยที่รู้กันว่าเขามีอารมณ์ค่อนข้างร้อน เมื่อถูกยั่วมากๆ ก็จะโมโหทำให้เล่นไม่ออก เพราะถ้าหากนักเตะอิตาลีทำให้ซีดานโกรธได้ มันก็จะเป็นงานง่ายของพวกเขาในการที่จะคว้าแชมป์โลก

4.หมัดตรงของ เคร็ก เบลลามี

เมื่อครั้งในเกมดาร์บี้แมตช์ ปี2009 ในขณะที่ ไมเคิล โอเวน ยิงในช่วงนาทีที่ 96 ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 4-3 ตอนนั้นได้มีหนึ่งในแฟนบอลของปีศาจแดง (เจค คลาร์ก) วิ่งลงมาในสนามอย่างดีใจ

หลังฉลองได้ไม่นาน คลาร์ก ก็โดนการ์ดรวบอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก เมื่อ เบลลามี นักเตะของ เรือใบสีฟ้า มีที่กำลังอารมณ์เสียก็ได้หวดหมัดเข้าไปที่หน้าของเขาอย่างจัง แต่ก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอีกที่ เบลลามี ไม่ได้โดนโทษอะไรเลย ส่วนเจ้าหนุ่มคลาร์กก็โดนแบนไม่ให้เข้าสนามไป 3 ปี

3.ปาทริซ เอฟรา กับ ปรากฎการณ์สุดฉาว

ยังไม่ทันเริ่มการแข่งขันในศึกยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย. 2017 ในช่วงของการวอร์มอัพ ได้มีแฟนบอลของทีมตัวเองไม่พอใจผลงานของแข้งวัย 36 ปี ปาทริซ เอวรา ได้ตะโกนด่าเขาอย่างหยาบคายเกือบครึ่งชั่วโมงอยู่ข้างสนาม

ทำให้ เอวรา ฉุนจัดตอบโต้กลับด้วยวาจาก่อนจะสร้างปรากฎการณ์สุดฉาวโดยการเดินปรี่เข้าไปกระโดดเตะ ก่อนที่เกมจะเริ่ม เขาก็โดนใบแดงไล่ออกไปซะก่อนแล้ว ผลการเตะในวันนั้น โอลิมปิก มาร์กเซย เป็นฝ่ายบุกไปแพ้ วิตอเรีย กิมาเรส (โปรตุเกส) 0-1

2.เดปายประจันหน้าแฟนลียง

ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อคเอ้าท์ เดปาย ต้องฟิวส์ขาดเก็บอาการไม่อยู่ หลังมีแฟนบอลลียงรายหนึ่งวิ่งลงมาชูแบนเนอร์เป็นภาพของลา พร้อมข้อความว่า “มาร์เซโล่ ออกจากสโมสรไปซะ” สร้างความไม่พอใจให้เดปายเป็นอย่างมาก จนถึงกับฟิวส์ขาด วิ่งปรี่เข้าไปหาแฟนบอลรายหนึ่งที่ลงมาชูป้ายตอนจบเกม

“ผมไม่พอใจ ผมโมโหมาก วันนี้ถึงเราเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็ผ่านเข้ารอบไปได้ เพราะเราทุ่มเททุกอย่างที่มี” เดปาย กล่าว “พอมีใครสักคนนึงในทีมที่ไม่ได้รับการหนุนหลังจากแฟนบอล คุณจะคาดหวังอะไรจากนักเตะที่เหลือละ?

“ใครมันบ้าว่างมาทำป้ายทุเรศแบบนั้น? คนเรามีลูกมีครอบครัว มีงานที่ต้องทำ ใครมีเวลาว่างมานั่งวาดตัวลาแบบนี้? เพราะถ้าเขามีเวลาว่างขนาดนั้น ผมว่าเขาควรไปหาอะไรทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นจะดีกว่านะ”

“มันเหมือนเราถูกเหยียดหยาม ผมไม่เคยเห็นอะไรทุเรศแบบนี้มาก่อนเลย”

ผลบอลในรอบนั้น ลียง ได้ลูกฮึดกลับมาสามารถตามตีเสมอ ไลป์ซิก และคว้าตั๋วรอบน็อคเอ้าท์แชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ

1.เอริค ดายเออร์ สุดกลั้นต้องรีบวิ่งออกนอกสนาม

ล่าสุดกับเหตุการณ์สร้างความมึนงงให้กับทีม และเหล่าบรรดาเอฟซีของไก่เดือยทองเพราะหตุใด ที่จู่ ๆ นักเตะคนสำคัญอย่าง ดายเออร์ ต้องรีบวิ่งออกจาสนามในช่วงเวลาสำคัญ

ซึ่งเกมนี้ สเปอร์ส กำลังตกเป็นรอง เชลซี จากที่โดนนำไปก่อนในครึ่งแรก ดังนั้นในครึ่งหลังขณะที่ “ไก่เดือยทอง” พยายามที่จะทำประตูตีเสมอ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อ ดายเออร์ ที่ถูกจับให้ไปเล่นกองหลังในเกมนี้ รีบวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ ทำให้ทีมเหลือผู้เล่นในสนามเพียงสิบคนเท่านั้น

ทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องรีบวิ่งเข้าไปในอุโมงค์เพื่อไปตามนักเตะในห้องแต่งตัว ผลสุดท้ายพวกเขาสามารถตีเสมอได้สุดท้ายต้องดวลจุดโทษ ผลทีมชนะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ

และในเกม ดายเออร์ ที่คว้ารางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ เขาได้นำรางวัลไปวางเอาไว้ที่โถส้วมซึ่งน่าจะบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาออกมาถ่ายหนักหรือถ่ายเบา ยอมรับว่าเขาต้องรีบเข้าห้องน้ำเนื่องจากโดนข้าศึกบุกประชิดหน้าด่าน

โถ๊…โถ..เพราะธรรมชาติมนเรียกร้องนี่เองถึงห้ามไม่ได้เอาไม่อยู่ ทำให้ ดายเออร์ ต้องรีบไปปลดปล่อยในทันที

สรุป

เหตุการณ์ไม่คาดคิด ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราไม่สามารถที่กะเกณฑ์อะไรได้ ก็คงต้องใจเย็น ๆ กันหน่อย ไม่ว่าจะเป็นตัวนักเตะเอง หรือเหล่าบรรดา FC ทั้งหลาย ลูกกลม ๆ มันไม่เข้าใครออกใคร กลิ้ง ๆ ไปทางไหนก็ได้ นีกเตะถึงจเก่งแค่ไหน ระดับไหน ก็มีพลาดกันได้ อย่าได้โมโหกันมากนักเลยนะคร๊าบบบบ สามารถติดตามดูบทความดี ๆ อัพเดทกันทุกวันได้ที่ Medetc

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on whatsapp
WhatsApp
Share on email
Email

บทความที่เกี่ยวข้อง